ระบบสารสนเทศ
ความหมายของระบบสารสนเทศ
ผู้คนส่วนใหญ่มักจะสับสนกับความหมายของคำว่า “สารสนเทศ” หรือ “อินฟอร์เมชั่น (Information)”และ “ข้อมูล” หรือ “ดาต้า (Data)” ความหมายของสองคำนี้เหมือนกันคือ ข้อมูล แต่เป็นข้อมูลที่ต่างกัน
อินฟอร์เมชั่นหรือสารสนเทศ คือ ผลที่ได้จากการนำข้อมูลมาประมวลให้มีความหมาย มีประโยชน์ต่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีผลต่อการตัดสินใจของผู้รับ
ดาต้าหรือข้อมูลดิบ คือ ข้อมูลที่ยังไม่ได้ประมวลผล ฉะนั้น จึงอาจจะมีคุณค่าหรือไม่มีคุณค่าโดยตรงต่ออาจจะมีเพียงบางส่วนที่มีคุณค่าต่อผู้รับ
สำหรับ “ระบบสารสนเทศ (Information Systems)” นั้นมีความหมายตามหลักวิชาการ คือ กลุ่มขององค์ประกอบที่มีความเกี่ยวพันกันสำหรับการรวบรวม การประมวลผล การบันทึก และการกระจายสารสนเทศ เพื่อนำไปใช้ในการสนับสนุน การตัดสินใจ และการควบคุมการดำเนินงานในองค์กร
ปัจจัยสำหรับระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ในการจัดระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการนั้น มีปัจจัยดังต่อไปนี้
1 เครื่องคอมพิวเตอร์ (Hardware)
2 ซอฟต์แวร์
3 ระเบียบวิธีปฏิบัติงานประกอบการใช้เครื่อง
4 ระเบียบวิธีการจัดการและการตัดสินใจ
5 ระบบฐานข้อมูล
ผู้คนส่วนใหญ่มักจะสับสนกับความหมายของคำว่า “สารสนเทศ” หรือ “อินฟอร์เมชั่น (Information)”และ “ข้อมูล” หรือ “ดาต้า (Data)” ความหมายของสองคำนี้เหมือนกันคือ ข้อมูล แต่เป็นข้อมูลที่ต่างกัน
อินฟอร์เมชั่นหรือสารสนเทศ คือ ผลที่ได้จากการนำข้อมูลมาประมวลให้มีความหมาย มีประโยชน์ต่อโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีผลต่อการตัดสินใจของผู้รับ
ดาต้าหรือข้อมูลดิบ คือ ข้อมูลที่ยังไม่ได้ประมวลผล ฉะนั้น จึงอาจจะมีคุณค่าหรือไม่มีคุณค่าโดยตรงต่ออาจจะมีเพียงบางส่วนที่มีคุณค่าต่อผู้รับ
สำหรับ “ระบบสารสนเทศ (Information Systems)” นั้นมีความหมายตามหลักวิชาการ คือ กลุ่มขององค์ประกอบที่มีความเกี่ยวพันกันสำหรับการรวบรวม การประมวลผล การบันทึก และการกระจายสารสนเทศ เพื่อนำไปใช้ในการสนับสนุน การตัดสินใจ และการควบคุมการดำเนินงานในองค์กร
ปัจจัยสำหรับระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
ในการจัดระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการนั้น มีปัจจัยดังต่อไปนี้
1 เครื่องคอมพิวเตอร์ (Hardware)
2 ซอฟต์แวร์
3 ระเบียบวิธีปฏิบัติงานประกอบการใช้เครื่อง
4 ระเบียบวิธีการจัดการและการตัดสินใจ
5 ระบบฐานข้อมูล
คุณสมบัติของสารสนเทศที่ดี
สารสนเทศที่ดีต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
(1) มีความถูกต้องเที่ยงตรง
(2) มีความน่าเชื่อถือได้
(3) ทันสมัยอยู่เสมอ
(4) สามารถตรวจสอบได้
(5) มีความปลอดภัย
(6) คุ้มค่าและประหยัด
(7) มีความยืดหยุ่น
(8) เกี่ยวข้องกับงานที่ทำ
(9) ง่ายต่อการนำมาใช้งาน
วิธีพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
วิธีที่นำมาพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการอาจแบ่งออกได้เป็น 3 วิธีหลักด้วยกัน คือ
1 สร้างโครงการนำร่อง การมีโครงการนำร่องเพื่อให้เป็นแบบอย่างในการพัฒนาในส่วนอื่นๆขององค์กรช่วยให้เกิดการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการที่ดีเพื่อถึงเวลาที่จะต้องพัฒนาจริงจัง
2 จัดการฝึกอบรมการจัดให้มีการฝึกอบรมนั้นมีประโยชน์เพื่อเสริมสร้างแนวความคิด ความสามัคคี และนำเสนอโครงการนำร่อง เพื่อให้ทุกคนเห็นโอกาสและความเป็นไปได้
3 มีผลตอบแทน การจัดให้มีผลตอบแทนให้เห็นอย่างชัดเจน ช่วยทำให้พนักงานมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการใช้สารสนเทศให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
สารสนเทศที่ดีต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
(1) มีความถูกต้องเที่ยงตรง
(2) มีความน่าเชื่อถือได้
(3) ทันสมัยอยู่เสมอ
(4) สามารถตรวจสอบได้
(5) มีความปลอดภัย
(6) คุ้มค่าและประหยัด
(7) มีความยืดหยุ่น
(8) เกี่ยวข้องกับงานที่ทำ
(9) ง่ายต่อการนำมาใช้งาน
วิธีพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
วิธีที่นำมาพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการอาจแบ่งออกได้เป็น 3 วิธีหลักด้วยกัน คือ
1 สร้างโครงการนำร่อง การมีโครงการนำร่องเพื่อให้เป็นแบบอย่างในการพัฒนาในส่วนอื่นๆขององค์กรช่วยให้เกิดการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการที่ดีเพื่อถึงเวลาที่จะต้องพัฒนาจริงจัง
2 จัดการฝึกอบรมการจัดให้มีการฝึกอบรมนั้นมีประโยชน์เพื่อเสริมสร้างแนวความคิด ความสามัคคี และนำเสนอโครงการนำร่อง เพื่อให้ทุกคนเห็นโอกาสและความเป็นไปได้
3 มีผลตอบแทน การจัดให้มีผลตอบแทนให้เห็นอย่างชัดเจน ช่วยทำให้พนักงานมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการใช้สารสนเทศให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
ระดับของสารสนเทศ
สารสนเทศมี 3 ระดับ ดังนี้
สารสนเทศมี 3 ระดับ ดังนี้
1. ระดับบน เป็นสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูงขององค์การที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกับแผน นโยบาย พันธกิจ เป้าประสงค์ เป้าหมายและกลยุทธ์ขององค์การ
2. ระดับกลาง เป็นสารสนเทศสำหรับผู้จัดการ หรือผู้บริหารระดับกลางขององค์การที่มีการแปลงกลยุทธ์ ที่จะนำ ไปสู่การบรรลุเป้าหมายขององค์การ โดยแปลงกลยุทธ์ออกมาเป็นแนวปฏิบัติ หรือแผนปฏิบัติงาน หรือกิจกรรมต่างๆ
3. ระดับล่าง เป็นสารสนเทศของผู้ปฏิบัติงานที่มีกรรมวิธีการดำเนินงาน หรือการปฏิบัติงานตามแนวทางที่ได้ มีการกำหนด โดยผู้บริหารระดับกลาง
อ้างอิงจากเว็บ
http://bankcom.blogspot.com/2008/01/blog-post_21.html
http://bankcom.blogspot.com/2008/01/blog-post_21.html
ระบบเอทีเอ็ม
การนำเอาเทคโนโลยีเอทีเอ็มเข้ามาใช้ก่อนเป็นรายแรก สร้างความได้เปรียบเชิงธุรกิจเหนือคู่แข่งเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในเมืองใหญ่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นซิดนีย์ โตเกียว ปารีส และรวมทั้งกรุงเทพฯด้วย กล่าวคือ ธนาคารใดในเมืองเหล่านั้นที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเอทีเอ็มได้ก่อนและให้บริการที่เหนือกว่า ก็สามารถดึงส่วนแบ่งการตลาดได้สูงมากเหนือคู่แข่ง เนื่องจากได้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์มาเป็นกลยุทธ์การแข่งขันในแง่การปรับปรุงการบริการแก่ลูกค้า เช่น ปรากฏการณ์ที่ธนาคารไทยพาณิชย์นำระบบคอมพิวเตอร์แบบเชื่อมตรงมาบริการการใช้ เอทีเอ็ม และประสบความสำเร็จได้ก่อนจึงมีโอกาสดึงส่วนแบ่งการตลาดได้สูง
เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของระบบเอทีเอ็ม ก็คือ ระบบคอมพิวเตอร์ ที่รวบรวมข้อมูลบัญชีเงินฝากของลูกค้าธนาคารไว้ในฐานข้อมูล กับเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูล ทำให้สามารถเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ออกไปทั่วเมือง ทั่วประเทศ หรือทั่วโลกได้ ผู้ใช้บัตรเอทีเอ็มสามารถเบิกเงินจากธนาคารได้จากตู้เอทีเอ็มที่ติดตั้งอยู่ทั่วไป ทุกครั้งที่ลูกค้าใช้บัตรเอทีเอ็มจากตู้เอทีเอ็มจะมีการสื่อสารข้อมูลไปยังฐานข้อมูลกลางที่สำนักงานใหญ่ของธนาคารที่เก็บข้อมูล ยอดเงินฝากและรายการฝากถอนเงินของลูกค้า ฐานข้อมูลนี้จึงมีลักษณะสำคัญที่เรียกว่าเป็นฐานข้อมูลกลาง ในความหมายที่ว่า ลูกค้ามีบัญชีเงินฝากในธนาคารแห่ง นั้น ๆ จะมีข้อมูลอยู่ที่ฐานข้อมูลกลางเพียงชุดเดียว และด้วยระบบการสื่อสารข้อมูลในลักษณะเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ทำให้เข้าถึงข้อมูลได้จากระยะไกล นอกจากนี้คอมพิวเตอร์ยังช่วยจัดการประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น การฝาก การโอน และการถอน ที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เทคโนโลยีฐานข้อมูลกลางทำให้สามารถเก็บข้อมูลต่างๆ ไว้เพียงชุดเดียว ไม่จำเป็นต้องสำเนาหลายชุด สามารถเรียกใช้และแก้ไขได้จากระยะไกล และเมื่อมีการแก้ไขแล้วทุกคนที่เข้ามาใช้ข้อมูลในภายหลังก็จะได้รับข้อมูลที่ทันสมัย การประมวลผลอัตโนมัติด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ และ
เทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลในระบบเครือข่ายนี้ เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นความสำคัญของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่สามารถนำมาประยุกต์ในงานต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อองค์การและธุรกิจได้อีกมากมาย
อ้างอิง
http://it.benchama.ac.th/
ลักษณะของสารสนเทศที่ดี
คือ สารสนเทศต้องถูกต้องเม่นยำ เมื่อพิจารณาสารสนเทศแล้วต้องเข้าใจง่ายมีวิธีการรวบรวมข้อมูลที่น่าเชื่อ ถือ และเป็นวิธีที่ประหยัดเหมาะสมกับราคา นอกจากนี้ต้องตรวจสอบได้ ยืดหยุ่น สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้และที่สำคัญต้องมีความปลอดภัย
คุณลักษณะของสารสนเทศที่ดี
1. ความเที่ยงตรง
2. ทันต่อความต้องการใช้
3. ความสมบูรณ์
4. การสอดคล้องกับความต้องการของ
5. ตรวจสอบ
5. ตรวจสอบ
สรุป ลักษณะการจัดการสารสนเทศที่ดี
1.ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล
2.สามารถใช้สารสนเทศร่วมกันได้
3.การเปลี่ยนแปลงแก้ไขสามารถทำได้สะดวกและถูกต้อง
4.ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บและเรียกใช้สารสนเทศ
5.ให้ความปลอดภัยในการใช้ระบบเพราะจะมีการจำกัดสิทธิ
6.มีการควบคุมมาตรฐานการใช้งานจากศูนย์กลาง
7.ความเที่ยงตรง
1.ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล
2.สามารถใช้สารสนเทศร่วมกันได้
3.การเปลี่ยนแปลงแก้ไขสามารถทำได้สะดวกและถูกต้อง
4.ประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บและเรียกใช้สารสนเทศ
5.ให้ความปลอดภัยในการใช้ระบบเพราะจะมีการจำกัดสิทธิ
6.มีการควบคุมมาตรฐานการใช้งานจากศูนย์กลาง
7.ความเที่ยงตรง
8.ทันต่อความต้องการใช้
9.ความสมบูรณ์
10.การสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้
11.ตรวจสอบได้
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศ
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศมี 5 องค์ประกอบ ได้แก่
องค์ประกอบของระบบสารสนเทศมี 5 องค์ประกอบ ได้แก่
1.ฮาร์ดแวร์
2.ซอฟต์แวร์
3.ข้อมูล
4.บุคลากร
5.ขั้นตอนการปฏิบัติงาน
ฮาร์ดแวร์เป็นองค์ประกอบสำคัญ หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์รอบข้างซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เป็นชุดคำสั่งที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงานข้อมูล เป็นส่วนที่จะนำไปจัดเก็บในเครื่องคอมพิวเตอรบุคลากรเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานคอมพิวเตอร์ขั้นตอนการปฏิบัติงาน เป็นสิ่งที่จะต้องเข้าใจเพื่อให้ทำงานได้ถูกต้องเป็นระบบ
อ้างอิงโดย
www.thaigoodview.com